รูปปั้นช้าง / รูปปั้นช้างคู่ / รูปปั้นช้างไทย / รูปปั้นช้างไทยลักษณะยุทธหัตถี / โดย. ช่างปั้นมืออาชีพ คุณเสน่ห์
ช่างปั้นช้าง ช่างปั้นรูปเหมือนช้าง
มีจำหน่าย รูปปั้นช้างคู่ และ รูปปั้นช้างเดี่ยว
( PreOrder )
เนื้อทองเหลืองไม่ทำให้เกิดสนิม
สอบถามราคา โทร. 081-946-6159 คุณเสน่ห์ / Line
ID-Line : artistic-thai-zone
ประวัติช้างโบราณ
"ช้าง" โดยมากแล้วจะนิยมเลือกใช้ช้างพลายที่กำลังตกมัน ดุร้ายก่อนออกทำสงครามจะกรอกเหล้าเพื่อให้ช้างเมา เกิดความฮึกเหิมเต็มที่โดยจะแต่งช้างให้พร้อมในการรบ เช่นใส่เกราะที่งวงหรืองาเพื่อรื้อทำลายค่ายคูของฝ่ายตรงข้าม เรียกว่า "ช้างกระทืบโรง" หรือล่ามโซ่หรือหนามแหลมที่เท้าทั้งสี่ใช้ผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดตาช้างให้เห็นแต่เฉพาะด้านหน้าเพื่อไม่ให้ช้างตกใจและเสียสมาธิ เรียกว่า "ผ้าหน้าราหู" นักวิชาการที่ทำการศึกษาเรื่องช้างในประเทศไทยเชื่อว่า ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2ในเดือนเมษายนพ.ศ. 2310ช้างต้นที่เป็นทั้ง รูปปั้นช้างศึกและช้างเผือกในพระราชวังน่าจะอพยพหนีมาอยู่ยังเขาอ่างฤๅไน
ซึ่งในสมัยโบราณช้างที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นช้างต้น จะอยู่ที่ดงพญาเย็นหรือ ดงพญาไฟ ในปัจจุบัน ในปัจจุบันนี้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไนจังหวัดฉะเชิงเทรานักวิชาการเชื่อว่า ช้างป่าที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้น่าจะสืบเชื้อสายมาจากช้างศึกหรือช้างเผือกในสมัยโบราณ เพราะนื่องจากเมื่อปีพ.ศ. 2549 เจ้าหน้าที่ของอุทยาน สามารถบันทึกภาพช้างป่าตัวผู้ตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามลักษณะของช้างศึก และให้ชื่อช้างตัวนี้ว่า "รถถัง"และยังพบช้างป่าอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามลักษณะช้างศึกอีกเช่นกันอีกทั้งยังเป็นสถานที่พบช้างเผือกในรัชกาลปัจจุบันอีกด้วย
ลักษณะของช้างศึกในการทำสงครามคือ “ช้างศึก” ต้องเป็นช้างพลาย (ช้างเพศผู้) มีลักษณะตรงตามตำราคชลักษณ์คือ รูปร่างใหญ่โตกำยำ หัวกะโหลกหนาและใหญ่ แก้มเต็มสมบูรณ์ หน้าเชิดหลังต่ำงายาวใหญ่มีความโค้งและแหลมคมได้ที่โดยที่ช้างเชือกที่ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีและสามารถสู้เอาชนะช้างเชือกอื่นได้จะถูกเรียกว่า "ช้างชนะงา" การรบบนหลังช้างนั้นมีตำราคชยุทธของไทยที่ลึกล้ำมากเป็นศาสตร์การรบในแบบไทยที่คนไทยควรภาคภูมิใจแต่ตำราเหล่านั้นถูกเผาสูญหายเกือบหมดเมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 การรบบนหลังช้างเป็นศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของกลุ่มรบช้างศึกรวมเจ็ดคนด้วยกัน ได้แก่ตำแหน่งคอช้างจะเป็นผู้นั่งคร่อมคอช้าง ถือของ้าวไว้เป็นอาวุธตำแหน่งกลางช้างจะนั่งบนสัปคัป ยามปกติจะถือช่อขนนกยูงไว้สองกำกำละหนึ่งข้างหรืออาจถือธงสัญญานเพื่อให้สัญญาณกองรบทั้งหลาย หากรูปปั้นช้างศึกเข้าสัปยุทธจะคอยส่งอาวุธให้กับคอช้างเพื่อใช้ โดยอาวุธจะเสียบเป็นแพไว้ด้านข้างสับคับประกอบด้วย ปืน ขอ โตมร หอก เป็นต้น อีกตำแหน่งหนึ่งคือท้ายช้างตำแหน่งมีความสำคัญในการบังคับการเคลื่อนที่ข้างช้างให้เร็ว ช้า หยุด เป็นต้นอีกสี่ตำแหน่งเรียกว่า จตุรงคบาท เป็นทหารที่ฝึกมาให้เชี่ยวชาญด้านดาบ หมัดมวยเจนจบกระบวนยุทธเข้าขั้นครูโดยเฉพาะจตุรงเสนาของช้างพระคชาธารพระเจ้าอยู่หัวด้วยแล้วสี่คนนี้คือยอดฝีมือในเชิงยุทธที่สุดในกองทัพเพราะต้องป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าทำร้ายเท้าของช้างได้การคชยุทธนั้นหากเป็นการคชยุทธโดยการท้าทายระหว่างแม่ทัพใหญ่หรือกษัตริย์ด้วยกันเองนั้นจะเรียกว่า ยุทธหัตถี ซึ่งก็คือการรบด้วยช้างนั่นเองทหารราบห้ามเข้าทำร้ายนักรบและช้างศึกในขณะคชยุทธเป็นการดวลกันระหว่างแม่ทัพ โดยมากจะเกิดขึ้นกับศึกใหญ่เพราะศึกใหญ่ที่มีการนำพลออกสู้ศึกกันในที่กลางแจ้งแล้วเป็นช่วงที่แม่ทัพต่างก็อยู่ในสนามรบทั้งคู่แสดงว่านั่นต้องเป็นทัพหลวงที่มีกำลังพลมากมายมหาศาลแน่นอน ดังนั้นการปล่อยให้กำลังพลมหาศาลขนาดนั้นเข้ารบตะลุมบอนกันย่อมเกิดความสูญเสียมากมายเหลือคณานับ ดังนั้น แม่ทัพใหญ่หรือกษัตริย์จะตัดสินกันด้วยการรบบนหลังช้างนี่เอง
ติดต่อสอบถามข้อมูล
โทร. 081-946-6159 คุณเสน่ห์ / ไลน์
โทร. 081-829-2423 คุณปฐมาพร / ไลน์
ไอดีไลน์ : artistic-thai-zone